วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2557

การปลูกต้นไม้

10 วิธีปลูกต้นไม้ในกระถางได้สวยเป๊ะ



                                                            




          ปลูกต้นไม้ในกระถางเป็นไอเดียที่ดี และเหมาะกับคนรักต้นไม้แต่ไม่มีพื้นที่เพียงพอในการปลูก อีกทั้งการปลูกต้นไม้ ทั้งไม้ดอก หรือไม้ชนิดอื่น ๆ ไว้ในกระถางยังสามารถนำมาประดับตกแต่งภายในอาคารได้ เพราะเคลื่อนย้ายง่าย และดูแลไม่ยากเท่าไร แต่ถ้าคุณกำลังนึกอยากปลูกต้นไม้ในกระถางอยู่พอดี แต่ยังไม่รู้จะปลูกอย่างไร วันนี้เรามี 10 วิธีปลูกต้นไม้ในกระถางให้สวยเป๊ะมาฝากกันด้วยค่ะ
1. เลือกกระถางให้เหมาะสม


          ขนาดกระถางและขนาดต้นไม้เป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ ที่เราควรต้องคำนึงถึง เพราะหากต้นไม้มีขนาดใหญ่หรือเล็กกว่ากระถาง ก็จะดูไม่สมดุล ดังนั้นจึงควรเลือกกระถางให้เหมาะสม รวมไปถึงต้องตรงกับความต้องการของเราด้วย เช่น หากว่าต้นไม้เป็นพันธุ์ที่โตเร็ว และต้องเปลี่ยนกระถางบ่อย ๆ ก็ควรเลือกใช้กระถางใหญ่ที่มีลักษณะกลม ปากกว้าง ซึ่งเป็นกระถางที่ใช้กันทั่วไปและเป็นที่นิยม เพราะง่ายต่อการย้ายต้นไม้ลงดิน หรือถ้าหากคุณเป็นคนที่ชอบจัดสวน เคลื่อนย้ายตำแหน่งกระถางต้นไม้บ่อย ๆ ก็ควรเลือกใช้กระถางที่ทำจากโฟม หรือกระถางที่ทำมาจากไฟเบอร์กลาสเพราะมีความเบา เคลื่อนย้ายสะดวก ส่วนถ้าต้องการกระถางที่มีความหนักแน่น ก็ควรเลือกใช้กระถางเซรามิก หรือกระถางที่ทำมาจากปูนค่ะ

2. ควรใช้ดินผสม

          ดินที่ใช้ในกระถางต้นไม้ควรจะเป็นดินปนทราย ที่มีพีทมอส ปุ๋ยหมัก ขุยมะพร้าว ถ่านป่น หรืออิฐป่น ผสมอยู่ด้วย เพื่อช่วยให้พืชได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน ไม่มีความเป็นกรด-ด่างในดินมากเกินไป และเพื่อให้ดินถ่ายเทอากาศ และอุ้มน้ำได้ดี นอกจากนี้ควรหมั่นพรวนดินในกระถางด้วยตะเกียบหรือไม้แหลมก็ได้ และควรใส่ปุ่ยเพื่อบำรุงให้ต้นไม้เจริญงอกงามอยู่เสมอด้วย

3. ปลูกพืชตามความชอบ

          การจะปลูกพืชในกระถางให้สวยงาม สำคัญที่คุณต้องชอบต้นไม้หรือดอกไม้ชนิดนั้นด้วย หากว่าคุณเป็นคนที่ชอบไม้ดอก ก็เลือกปลูกมะลิ กุหลาบ หอมเจ็ดชั้น เป็นต้น แต่ถ้าชอบพืชที่มีความทนทาน และเป็นไม้มงคลก็เลือกปลูกพลูด่าง เศรษฐีเรือนใน เป็นต้น ส่วนคนที่ชอบไม้ดอกพุ่มกะทัดรัด แนะนำให้ปลูกแอฟริกันไวโอเลต พิทูเนีย หรือเฟิร์นต่าง ๆ ก็ได้ ชอบแบบไหน ก็เลือกปลูกกันได้ตามสบายเลยจ้า

4. เลือกต้นไม้ที่มีสุขภาพดี

          ต้นกล้าที่จะนำมาปลูกต้องมีความสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ และสุขภาพดี ไม่มีโรคพืช หรือแมลงติดมาเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้พืชโตช้า หรือตายเร็ว เผลอ ๆ อาจจะแพร่กระจายโรคพืชไปยังต้นไม้ต้นอื่นด้วย ดังนั้นก่อนเลือกพันธุ์ไม้มาปลูกในกระถาง ก็ควรต้องเลือกพืชที่มีใบเขียวสด และลำต้นแข็งแรง ดูพร้อมจะเจริญเติบโตได้อย่างดี เคลื่อนย้ายกระถางไม่ลำบากด้วย

5. ดูแลให้ถูกต้อง

          เพื่อให้ต้นไม้มีการเจริญเติบโตได้อย่างดี มีความสวยงามแข็งแรง จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนกระถางบ่อย ๆ เราก็ควรดูแลต้นไม้ในกระถางให้ถูกวิธี ด้วยการเลือกใช้ดินให้เหมาะสมกับชนิดพืช อย่าลืมปนกรวดลงไปในดินเพื่อให้ช่วยยึดพืช และเพิ่มช่องว่างให้อากาศและน้ำถ่ายเทได้สะดวก ไม่ขังอยู่ในกระถางจนรากเน่า นอกจากนี้ควรรดน้ำอย่างพอดีกับต้นไม้ และหมั่นนำไปวางกลางแจ้ง เพื่อเปิดโอกาสให้พืชได้รับแสงอาทิตย์ไว้คอยสังเคราะห์แสงด้วย แต่ก็ไม่ควรตั้งกระถางต้นไม้ในที่ที่มีความร้อนหรือแดดแรงจนเกินไป ลมโกรกมาก ๆ ก็ไม่เหมาะ เพราะอาจจะทำให้ลำต้นโย้เอียงได้



6. จัดเรียงกระถางให้เหมาะสม

          เราสามารถเลือกปลูกดอกไม้ในกระถางได้หลายชนิด แต่ก็ควรจัดวางกระถางให้เหมาะสม โดยจัดวางกระถางในตำแหน่งที่แสงสามารถส่องถึง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ที่สำคัญต้องจัดเรียงลำดับกระถางให้ดี เแนะนำให้เรียงตามลำดับความสูง กระถางที่มีต้นไม้สูง ๆ ก็ไม่ควรอยู่ในตำแหน่งที่จะบังแสงที่จะส่องไปถึงต้นไม้เล็ก ๆ ได้ จะได้ไม้แย่งแสงกัน พาให้ต้นไม้พันธุ์ที่เตี้ยกว่า เสียโอกาสรับธาตุอาหารได้อย่างเต็มที่

7. รดน้ำอย่างถูกวิธี

          หากสังเกตเห็นว่าหน้าดินเริ่มแห้ง ก็แสดงว่าต้นไม้เริ่มขาดน้ำ แต่การจะรดน้ำต้นไม้ในกระถางให้ต้นไม้ได้น้ำอย่างเต็มที่ อันดับแรกต้องดูที่ชนิดต้นไม้ก่อน ว่าเป็นพืชที่ชอบน้ำมากน้อยแค่ไหน ถ้าชอบน้ำน้อย ให้รดน้ำด้วยวิธีใช้ขวดสเปรย์ฉีดพรมจนชุ่มก็ได้ แต่ถ้าเป็นต้นไม้ชนิดที่ชอบน้ำมาก ให้ค่อย ๆ ใช้น้ำอุ่นรดลงไปที่หน้าดิน เพราะน้ำอุ่นจะซึมลงสู่ดินได้ง่ายกว่าน้ำอุณหภูมิปกติ ระหว่างที่รดน้ำก็ค่อย ๆ ใช้ดินสอหรือตะเกียบจิ้มดินให้เป็นรู เพื่อช่วยให้น้ำซึมลงสู่รากได้อย่างทั่วถึง

8. ให้ปุ๋ยและสารอาหารสม่ำเสมอ

          ต้นไม้อาจจะเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ถ้าเราไม่ให้ปุ๋ยเป็นอาหารเสริมเลย ดังนั้นนอกจากการดูแลขั้นพื้นฐานอย่างการรดน้ำพรวนดินแล้ว เราก็ควรต้องใส่ปุ๋ยและกำจัดแมลง รวมถึงศัตรูพืชด้วย จะเลือกใช้น้ำหมักธรรมชาติ หรือปุ๋ยตามชนิดที่พืชต้องการก็ได้ หมั่นดูแลเขาอย่างสม่ำเสมอ เขาจะได้เติบโตสวยงามให้เราชื่นชมไปนาน ๆ นะคะ

9. ตัดแต่งสักนิด

          ต้นไม้ที่มีใบแห้ง เริ่มเหลือง หรือกิ่งเริ่มไม่สวยงาม เราก็ควรตัดแต่งกิ่ง ริดใบเหลือง ๆ และคอยตรวจตราดูเพลี้ยและศัตรูพืชอยู่เสมอ เพราะการริดใบที่เริ่มเน่า ใบที่เป็นโรค และการตัดแต่งกิ่งส่วนเกิน จะช่วยรักษาระดับน้ำและสารอาหารให้พืช ไม่ต้องส่งไปยังกิ่งหรือใบเหล่านี้อีก แต่การตัดแต่งกิ่งหรือริดใบทุกครั้งควรใช้อุปกรณ์ตัดแต่งกิ่งด้วยนะคะ เพราะหากริดใบด้วยมือ อาจจะส่งผลกระทบกระเทือนไปถึงราก ทำให้รากของต้นไม้เสียหายได้

10. ถึงเวลาเปลี่ยนถ่าย
         
          เมื่อพืชเริ่มหยุดการเจริญเติบโต และไม่ค่อยรับน้ำแล้ว ก็ให้ตรวจสอบดูที่รากของต้นไม้ได้เลย เพราะนี่คือสัญญาณที่บอกว่า ถึงเวลาต้องเปลี่ยนกระถางเพราะต้นไม้โตเกินกว่าที่จะอยู่ในกระถางเดิมแล้ว เอาล่ะ! ได้เวลาย้ายที่อยู่ไปยังกระถางที่ใหญ่กว่า หรือบางต้นที่มีรากเยอะมาก ก็อาจจะแยกปลูกเป็น 2-3 กระถางได้เลยจ้า

การผสมเกสรดอกไม้

การผสมเกสรของดอกไม้
โดย.......ครูโดม
    ตามที่เราทราบแล้วว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ต้องมีการสืบพันธุ์ เพื่อให้มันดำรงพันธุ์ไว้ มิให้สูญพันธุ์ไป พืชเป็นสิ่งมีชีวิต มันจึงต้องมีการสืบพันธุ์แน่นอนครับ การสืบพันธุ์ของพืชก็มีหลายวิธีเหมือนกับสัตว์ แต่ถ้าเป็นพืชโดยทั่วๆ ไป (พืชดอก) มันก็สืบพันธุ์โดยอาศัยเพศเหมือนกับสัตว์ส่วนใหญ่ ที่สืบพันธุ์โดยอาศัยเพศเช่นกัน    การสืบพันธุ์โดยอาศัยเพศ จะต้องมีอวัยวะเพศ สำหรับสืบพันธุ์ โดยจะต้องมีการผสมกันระหว่างซลล์สืบพันธุ์เพศผ ู้ กับ เซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย เสียก่อนจึงจะเกิดตัวอ่อนได้ครับ
ดอกไม้ เป็นอวัยวะสืบพันธุ์ของพืช การผสมพันธุ์ของพืชก็คือ การที่เซลล์สืบพันธุ์ เพศผู้ของพืช เข้าไปผสมหรือรวมกับเซลสืบพันธุ์เพศเมีย เซลสืบพันธุ์เพศผู้ของพืช เรียกว่า เกสรตัวผู้ หรือ เรณู (หรือละอองเรณู ซึ่งอยู่ในอับเรณูอีกทีหนึ่ง) ส่วนเซลล์สืบพันธุ์เพศเมียเรียกว่า เกสรตัวเมีย หรือ ไข่อ่อน (อยู่ในรังไข่อีกชั้นหนึ่ง)

   พืชโดยส่วนใหญ่จะมีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน (ซึ่งเรียกว่าดอกสมบูรณ์เพศ) และการที่เกสรตัวผู้เข้าไปผสมหรือรวมกับเกสรตัวเมีย เรียกว่า การผสมเกสร
หลังจากนั้นจะเกิดการ ปฏิสนธิ ซึ่งจะมีการสร้างเซลล์เพิ่มอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างตัวอ่อนหรือผลต่อไป เมื่อสิ่งที่ทำให้เสรตัวผู้มาตกบนยอดของเกสรตัวเมียแล้ว เจ้าเสรตัวผู้หรือละอองเรณู จะเดินทางเข้าไปรวมหรือผสมกับไข่อ่อนได้อย่างไร .........ดูจากภาพครับ


พันธุ์ไม้ไทย

10 อันดับพันธุ์ไม้ไทย หายาก-ราคาแพง                           10 อันดับพันธุ์ไม้ไทย หายาก-ราคาแพง      10 อันดับพันธุ์ไม้ไทย หายาก-ราคาแพง




ต้นไม้มงคล ดอกสวย ลำต้นงาม พันธุ์หายาก... รับรองได้เลยว่าคุณสมบัติเหล่านี้สามารถปลุกกระแสความนิยมของคนรักต้นไม้เป็นอย่างดี ชวนให้หลายคนหลงใหลอยากจับจองความงดงามของพืชพันธุ์นานาชนิดนี้ ยิ่งถ้าได้รับการยอมรับถึงความเป็นที่สุดด้วยแล้ว จึงมักมาพร้อมกับราคาที่แพงลิบลิ่ว!
    
       ถ้าใครอยากรู้จักพันธุ์ไม้ราคาแพงอันดับต้นๆ ของเมืองไทย วันนี้ M-feature จะพาตะลุยถึงพิพิธภัณฑ์พืชสิรินธร เพื่อขอความรู้จากกูรูต้นไม้ วินัย สมประสงค์ กองคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร รับรองว่าได้รู้คำตอบที่ถูกใจนักเลงต้นไม้ไทยอย่างแน่นอน
    
       พันธุ์ไม้ราคาแพงที่คนนิยม
       พันธุ์ไม้ราคาแพงและเป็นที่นิยมปลูกหลายชนิดในไทย บางครั้งนำมาจากแหล่งหายากเช่นกัน หรือไม่ก็ขยายพันธุ์ยาก แต่มีต้นและดอกที่สวยงาม ยิ่งสร้างความท้าทายแก่นักเลงต้นไม้ นอกจากจะอาศัยกระแสความนิยมเป็นที่ตั้งแล้ว เรื่องของราคาก็ไม่เบาเช่นกัน M-featureจึงได้จัด 10อันดับความนิยมไว้ดังนี้
    
       1.ว่านเพชรหึง เป็นกล้วยไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สามารถสูงได้ถึง 3 เมตร มีดอกสีเหลือง หรือสีเขียวอ่อนและมีจุดสีน้ำตาล ราคาขึ้นอยู่กับขนาดของต้น ถ้าเป็นต้นไม้ที่มีความสูงเป็นเมตรจะมีราคาแพงเป็นพิเศษ เมื่อเทียบอายุประมาณ 10 ปี มีขนาดสูง 1 เมตร อาจมีราคาถึง 30,000 บาทเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นกอขนาดเล็กประมาณ 300-400 บาท
    
       นอกจากราคาจะแพงไม่พอ ว่านเพชรหึงยังขยายพันธุ์ยากมาก ซึ่งต้องใช้เวลาเจริญเติบโตและให้ดอกปีละครั้งเท่านั้น สามารถอยู่ได้นานถึง 3 เดือนกว่าดอกจะร่วงโรย ด้วยความที่ดอกมีขนาดใหญ่และสวยงามมากจึงเป็นที่นิยมของผู้ชื่นชอบกล้วยไม้ ว่านเพชรหึงพบมากในพื้นที่ภาคใต้ เช่น จังหวัดชุมพร, ระนอง และในบางพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ซึ่งล้วนมีสีสันที่แตกต่างกันออกไปตามพื้นที่ที่ปลูก
    
       “ว่านเพชรหึงที่พิพิธภัณฑ์พืชสิรินธร เราปลูกมาเกือบ 20 ปีแล้ว ขนาดสูงประมาณ 200 ซม. ถือว่าโตช้ากว่าพืชอีกหลายชนิดในตระกูลเดียวกันและขยายพันธุ์ยากมาก ซึ่งแล้วแต่เทคนิคในการขยายพันธุ์ เนื่องจากว่านชนิดนี้ใช้การขยายพันธุ์แบบแยกกออย่างเดียว หรือไม่ก็มีวิธีการเอาเมล็ดไปเพาะพันธุ์เนื้อเยื่อเพื่อให้ได้ต้นขึ้นมา แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีผลเป็นอย่างไรบ้างเพราะส่วนใหญ่ทำได้ยาก”
    
       2.รองเท้านารีเหลืองกาญจน์ เป็นพืชกล้วยไม้ที่หายากในธรรมชาติ มีดอกสีเหลืองสวยงามซึ่งอยู่ในบัญชีพืชการค้าของกรมวิชาการเกษตร ถ้าใครลักลอบเอาออกมาก็จะมีความผิดทางกฎหมาย ยกเว้นกล้วยไม้บางชนิดที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงในสถานที่เพาะเลี้ยง และขึ้นบัญชีสถานเพาะเลี้ยงไว้เพื่อเป็นการรับรองว่าไม่ได้เอาออกมาจากป่าโดยตรง พบมากในจังหวัดกาญจนบุรี และมีคนเคยบอกว่าสามารถพบได้ในภาคเหนืออีกด้วย แต่ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีแล้ว เพราะมีคนลักลอบเอาออกมาขาย ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 400 บาท เป็นต้นไป
    
       3.เอื้องเขาพระวิหาร เป็นกล้วยไม้ให้ดอกสวย ต้องการแสงแดดน้อย ชอบขึ้นอยู่ตามหินหน้าผา ซอกหิน หรือท่อนซุง จะเติบโตอยู่ส่วนล่างๆของต้นไม้ที่เกาะอยู่ ได้รับอาหารจากซากอินทรียวัตถุ เช่นใบไม้ที่ร่วงและที่ทับถม ผุพัง รวมทั้งซากแมลงที่หล่นและน้ำฝนที่ชะล้างมาบริเวณโคนต้นกล้วยไม้ รากกล้วยไม้อากาศชอบการถ่ายเทอากาศและการระบายน้ำที่ดี
        
    
       ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดสภาพแวดล้อมในการปลูกให้ใกล้เคียงกับสิ่งแวดล้อมจากต้นกำเนิดของกล้วยไม้ชนิดนี้ซึ่งมีอยู่ที่เขาพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ ราคาขายอยู่ระหว่าง 200-300 บาท
        
       4.ปรงทะเล เป็นไม้กอพุ่ม มีใบเรียงยาวถี่ๆ สีเขียวเข้ม ใบอ่อนสีแดงสวยงาม ปลูกเป็นไม้ประดับ ขนาดใหญ่ สามารถสูงได้ถึง 2 เมตร ต้นคล้ายพวกปาล์ม ถิ่นกำเนิด ริมทะเลแปซิฟิก เจริญเติบโตช้า ชอบแดด ต้องการน้ำปานกลาง ชอบขึ้นที่ดินที่เป็นทรายหรือตามซอกหิน พบมากในบริเวณเกาะหรือทางภาคใต้ที่ไม่ใช่พื้นที่ของเกาะก็จะกระจายพันธุ์อยู่แถวนั้นเช่นกัน คนมักจะเอามาปลูกเพราะกอสวย แต่โตช้า ขนาดหัวเล็กมีราคาอยู่ระหว่าง 100-500 บาท ถ้าขนาดสูง 1 เมตร จะมีราคา6,000 บาท (ประมาณ 10 ปี)
    
       5.เฟิร์นต้น เป็นพืชที่มีขนาดใหญ่อีกชนิดหนึ่ง อาจสูงเท่าตึก 2-3 ชั้น จึงเหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่โรงเรือนส่วนตัวหรือมีบริเวณบ้านที่สามารถปลูกได้ พบหลากหลายสายพันธุ์ในประเทศไทย ซึ่งลำต้นขนาดใหญ่มีราคาแพงกว่า 3,000 บาทขึ้นไป
    
       6.ปาล์มบังสูรย์ เป็นพืชปาล์มที่มีคนชอบและนิยมปลูกกันมาก เพราะตัวใบมีลักษณะสวยงามแตกต่างจากปาล์มชนิดอื่น มีรอยจีบของใบที่มีขนาดใหญ่สีเขียวสด จึงนิยมนำมาเป็นไม้ประดับ โดยปลูกไว้ในกระถางขนาดใหญ่หรือปลูกประดับลงสวนตามที่ร่มรำไร พบทางภาคใต้ของไทย เช่น จังหวัดนราธิวาส, ยะลา เป็นปาล์มที่คนไทยเพิ่งจะรู้จักกันเมื่อไม่นานมานี้ จึงเป็นปาล์มประดับชนิดหนึ่งที่มีราคาสูงมาก ตั้งแต่ 2,500-10,000บาท (300 บาท/นิ้ว วัดความกว้างสุดของใบ)
    
       7.เฟิร์นเขากวางตั้ง เป็นเฟิร์นที่สวยงามแปลกตา มีลักษณะคล้ายเขากวาง อีกทั้งเป็นเฟิร์นหายากในป่าธรรมชาติ ในไทยพบทางภาคใต้ที่จังหวัดชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นราธิวาส และยะลา เลี้ยงไม่ง่ายเท่าไหร่นัก ไม่ชอบน้ำชุ่มแฉะ ราคาเริ่มต้นประมาณ 500-600 บาท
    
       8.จันทน์ผา เป็นไม้ประดับที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย โดยเฉพาะตามป่าเขาหรือภูเขาหินปูน สูงประมาณ 5 - 7 ฟุต ลำต้นมีความแข็งแกร่งมาก การแตกใบจะแตกออกบริเวณยอด ใบสีเขียวเข้ม เป็นรูปหอก ใบเรียวและยาว นิยมปลูกประดับไว้ตามสนามหญ้าหรือใช้ตกแต่งร่วมกับสวนหิน ราคาต้นเล็ก 300 บาท ถ้าสูง 5-6 เมตร มีราคาถึง 30,000 บาท
    
       9.พลับพลึงธาร เป็นพืชถิ่นเดียวในประเทศไทยที่เอามาปลูกเป็นพันธุ์ไม้น้ำ มีทั้งพันธุ์ทั่วไปและพันธุ์ป่า มีดอกสีขาว กลิ่นหอม ซึ่งถือว่าเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ สามารถพบเฉพาะที่จังหวัดพังงาตอนบน และระนองตอนล่างของประทศไทยเท่านั้น ราคาขายหัวเล็กไม่แพงมากนัก ประมาณ 100 บาทขึ้นไป
    
       10.หม้อข้าวหม้อแกงลิง เป็นพืชกินแมลงประเภทหนึ่ง ที่ได้รับความสนใจ ในการเพาะเลี้ยงอันดับต้นๆ เนื่องจากเราสามารถพบเห็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงได้ไม่ยากนักซึ่งมีอยู่ประมาณ 90 กว่าชนิดทั่วโลก ปัจจุบันได้มีการผสมเกสรหม้อข้าวหม้อแกงลิง ซึ่งทำให้เกิดหม้อข้าวหม้อแกงลิงลูกผสมใหม่ๆ ที่หลากหลาย มีสีสันสวยงาม และลักษณะแปลกๆ อยู่เสมอ ในประเทศไทยพบมากที่จังหวัดอุบลราชธานี, นราธิวาส, สุราษฎร์ธานี ฯลฯ ราคาก็ไม่แพงมาก เริ่มต้นที่ 100 บาทเท่านั้น